นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม

ประธานกรรมการ

นางสาวนภัสร กิตะพาณิชย์

กรรมการผู้อำนวยการ

บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เติบโตอย่างมั่นคงตลอดมาเป็นระยะเวลา 60 ปี บริษัทได้ผ่านการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายยุคหลายสมัย จนปัจจุบันได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก (Holding Company) เพื่อดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจระบบ Automation และ Robot ในปี 2565 มีการร่วมทุนกับบริษัทจากประเทศไต้หวันและได้จัดตั้งบริษัท สมบูรณ์ ทรอน เอนเนอร์จี จำกัด โดยประกอบธุรกิจผลิตและประกอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และ ประกอบยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เช่น รถบัสไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า เป็นต้น

ปี 2565 ยังคงเป็นปีของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และยังคงมีปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เช่น จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาสินค้า วัตถุดิบ โดยเฉพาะในภาคพลังงานปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการล็อกดาวน์และควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มข้นจากนโยบาย Zero Covid ของจีน เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างมาก บริษัทต้องปรับแผนกลยุทธ์โดยดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน การลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิต โดยมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิต เช่น การใช้ระบบ Automation การปรับปรุงเครื่องจักรในการผลิต โดยมุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้พลังงานทดแทน เป็นต้น

บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน ตลอดทั้งดำเนินการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งธุรกิจใหม่ ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากร ให้เป็น “ฅนสมบูรณ์” เป็นคนดีและคนเก่ง ปฏิบัติตามวัฒนธรรมองค์กร ในการรักษาสัญญา สร้างความไว้วางใจกับลูกค้า ว่องไวปรับเปลี่ยน เรียนรู้รับฟัง สร้างสรรค์เทคโนโลยี เพื่อรองรับ “ธุรกิจสมบูรณ์” และ “ชุมชนสมบูรณ์” เพื่อพัฒนาชุมชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทให้เติบโต มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในปี 2565 Gross Domestic Product (“GDP”)เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 2.6 เพิ่มจากปี 2564 ร้อยละ 1.5 และ ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศมียอดรวมทั้งสิ้น 1.88 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 11.7 ภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.2 และมีกำไรสุทธิ 940 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.4

ในโอกาสนี้ คณะกรรมการบริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตรผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจทุกท่าน ตลอดจนผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างของบริษัททุกคน ที่ได้ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปด้วยดีตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทจะดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการบริหารจัดการตามหลักกำกับดูแลกิจการที่ดี และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน